ใช้ LINE เพิ่มความสะดวก
LINE TODAY
การใช้งานทั่วไป
คุณสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่แนะนำสำหรับการใช้งาน LINE ได้ ที่นี่
* กรณีที่ใช้งานแอปพลิเคชัน LINE เวอร์ชันต่ำกว่า 6.8.x หรือระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันต่ำกว่า 4.1.x ข่าวใน LINE TODAY จะแสดงที่ส่วนบนของไทม์ไลน์
* ไม่รองรับการใช้งานบน iPad
โอเพนแชท
ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการใช้งานโอเพนแชท
กรณีที่พบปัญหาในการใช้งานโอเพนแชท
- ส่งข้อความไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุทั้งที่เคยส่งได้
- ไม่สามารถสร้างโน้ตได้
- ไม่สามารถสร้างโอเพนแชทใหม่หรือเข้าร่วมโอเพนแชทได้
เมื่อสิ้นสุดระยะการจำกัดการใช้งานแล้ว คุณจะสามารถใช้งานโอเพนแชทได้อีกครั้ง
โปรดตรวจสอบข้อกำหนดการใช้บริการ LINE ข้อที่ 13 (ข้อจำกัดการใช้งาน) เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจำกัดการใช้งานอีกในครั้งต่อไป
กรณีที่ไม่ทราบที่มาของการละเมิดข้อกำหนดการใช้บริการ โปรดติดต่อเข้ามายังทีมงานผ่านแบบฟอร์มติดต่อสอบถาม
* จะมีข้อความแจ้งเตือนว่า "ลบข้อความของ (ชื่อ) แล้ว เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าจะละเมิดนโยบายการใช้บริการของโอเพนแชท"
* (ชื่อ) คือชื่อโปรไฟล์ของผู้โพสต์
อย่างไรก็ตาม ระบบคัดกรองรูปและวิดีโออาจลบภาพที่ไม่มีปัญหาจนส่งผลให้โอเพนแชทถูกระงับการใช้งานได้ แต่กรณีดังกล่าวมีโอกาสน้อยมาก
ทีมงานขออภัยเป็นอย่างสูงหากเกิดปัญหาดังกล่าว กรุณาติดต่อทีมงานผ่านทางแบบฟอร์มติดต่อสอบถาม
ทั้งนี้ ทีมงานไม่สามารถเปิดเผยเกณฑ์ในการประเมินรูปและวิดีโอให้ทราบได้
LINE OpenChat คืออะไร
สร้างโอเพนแชท
1. เลือกที่ปุ่มสร้างโอเพนแชททางด้านล่างหน้าหลักของ LINE OpenChat
2. กรอกชื่อโอเพนแชท
3. กรอกคำอธิบายของโอเพนแชทและลงทะเบียนรูปโปรไฟล์ตามความต้องการ
4. เลือก "หมวดหมู่" ที่ต้องการลงทะเบียน
5. เลือกที่ "อนุญาตให้ค้นหา" เพื่อให้ระบบแสดงหรือไม่แสดงโอเพนแชทในผลการค้นหา
6. เลือกที่ "ต่อไป"
7. ตั้งค่าโปรไฟล์ของตนเองที่จะแสดงในโอเพนแชท จากนั้นเลือกที่ "เสร็จสิ้น"
หากต้องการเข้าร่วมโอเพนแชทที่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติ กรุณาตอบคำถามที่ตั้งเอาไว้แล้วส่งคำขอเข้าร่วม เมื่อผู้ดูแลอนุมัติคำขอเข้าร่วม คุณจึงสามารถใช้งานโอเพนแชทดังกล่าวได้
ทั้งนี้ เฉพาะผู้ดูแลเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าให้เป็นโอเพนแชทที่ต้องได้รับอนุมัติ และตั้งคำถามสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าร่วมได้
วิธีตั้งค่า
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ"
2. เลือกที่ "ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว" > "ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ดูแล"
3. กรอกคำถามสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าร่วม แล้วเลือกที่ "เสร็จสิ้น"
คุณสามารถตั้งค่าให้โอเพนแชทของคุณแสดงในผลการค้นหาได้เมื่อมีผู้อื่นค้นหาโอเพนแชท หากตั้งค่าอนุญาตให้ค้นหาได้ โอเพนแชทของคุณจะแสดงในผลการค้นหา
นอกจากนี้ โอเพนแชทที่มีความเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ จะปรากฏในรายการโอเพนแชทมาแรงบนหน้าหลักด้วยเช่นกัน
กรณีที่ตั้งค่าไม่อนุญาตให้ค้นหาเอาไว้ โอเพนแชทดังกล่าวจะไม่ปรากฏทั้งในผลการค้นหาและในรายการโอเพนแชทมาแรง
หากต้องการเข้าร่วมโอเพนแชทที่มีการตั้งรหัสเพื่อเข้าร่วม กรุณากรอกรหัสที่ผู้ดูแลกำหนดไว้ให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ เฉพาะผู้ดูแลเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าให้เป็นโอเพนแชทที่ต้องใส่รหัสเพื่อเข้าร่วม และตั้งค่ารหัสเพื่อเข้าร่วมได้
* ฟังก์ชันนี้เป็นการจำกัดการเข้าร่วมอย่างง่ายเท่านั้น กรุณาอย่าตั้งรหัสผ่านเหมือนกับบริการอื่นที่ใช้ส่วนตัวหรือในหน่วยงาน
วิธีการตั้งค่ารหัสเข้าร่วม
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ"
2. เลือกที่ "ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว" > "ต้องใช้รหัสเพื่อเข้าร่วม"
3. กรอกรหัสเพื่อเข้าร่วมที่ต้องการ แล้วเลือกที่ "เสร็จสิ้น"
ลงทะเบียน/เชิญ
การเชิญมี 4 วิธี คือ เชิญเพื่อน, คัดลอกลิงก์, แชร์ลิงก์, แชร์คิวอาร์โค้ด
เชิญเพื่อน
ส่งลิงก์เชิญเข้าร่วมโอเพนแชทไปให้เพื่อนใน LINE ผ่านทางข้อความแชท
คัดลอกลิงก์
คัดลอกลิงก์สำหรับเชิญเข้าร่วมโอเพนแชทได้
แชร์ลิงก์
แชร์ลิงก์สำหรับเชิญเข้าร่วมโอเพนแชทผ่านทางอีเมลหรือโซเชียลเน็ตเวิร์คได้
แชร์คิวอาร์โค้ด
บันทึกหรือแชร์ QR Code สำหรับเชิญเข้าร่วมโอเพนแชทได้
วิธีการไปที่หน้าหลักของโอเพนแชทมีดังต่อไปนี้
- เลือกที่ลิงก์ของโอเพนแชทที่ได้รับการเชิญ
- เปิดโอเพนแชทจากหน้าผลการค้นหา
- เลือกจากรายการโอเพนแชทมาแรงที่อยู่ในหน้าหลักของ LINE OpenChat
คุณสามารถเข้าร่วมโอเพนแชทที่ไม่ต้องได้รับการอนุมัติได้ทันที แต่หากเป็นโอเพนแชทที่ต้องขออนุมัติ คุณจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ดูแลโอเพนแชทก่อน
หากต้องการเข้าร่วมโอเพนแชทที่มีการตั้งรหัสเพื่อเข้าร่วม กรุณากรอกรหัสที่ผู้ดูแลกำหนดไว้ให้ถูกต้อง
ห้องแชท
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ"
2. เลือกที่ "ลบประวัติการแชททั้งหมด"
3. เลือกที่ "ลบ"
แม้ลบประวัติการแชทแล้ว ก็ยังคงสามารถเรียกคืนกลับมาเหมือนเดิมได้โดยสไลด์หน้าจอห้องแชทลงไปด้านล่าง
2. เลือกเปิด "ไม่แสดงจำนวนข้อความใหม่" ในเมนูโอเพนแชท
เมื่อตั้งค่าแล้วระบบจะแสดงตัวอักษร "N" ที่ด้านขวาของห้องโอเพนแชทแทน
โน้ต
* ไม่สามารถแชร์ไปที่ห้องแชทของโอเพนแชทอื่นหรือห้องแชทของ LINE ได้
1. เลือกที่ไอคอนแชร์ด้านล่างของโน้ตที่โพสต์อยู่ในโอเพนแชท
2. เลือกห้องแชทที่ต้องการแชร์โน้ต
3. เลือกที่ "แชร์" หรือ "ส่ง"
1. เลือกที่ "โน้ต" ในหน้าหลักของโอเพนแชท > แล้วเลือกที่ "..." ด้านขวาบนโน้ต
2. เลือกที่ "กำหนดเป็นโพสต์สำคัญ" > "กำหนด"
คุณสามารถตรวจสอบโพสต์ที่เพิ่มเอาไว้ใน "โพสต์สำคัญ" ได้จากรายการ "โพสต์สำคัญ" ที่แสดงอยู่ด้านบนหน้าจอโน้ต
หากต้องการยกเลิกโพสต์ที่เพิ่มไว้ใน "โพสต์สำคัญ" กรุณาเลือกที่ไอคอน "..." ในโพสต์ดังกล่าว > แล้วเลือกที่ "ยกเลิกโพสต์สำคัญ"
รายงานปัญหา/ออกจากโอเพนแชท
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ" > "รายงานปัญหา"
2. เลือกปัญหาที่ต้องการรายงาน
3. เลือกที่ "รับทราบและส่ง"
ขั้นตอนการรายงานปัญหาข้อความแชท
1. แตะค้างที่ข้อความที่ต้องการรายงานปัญหา
2. เลือกที่ "รายงานปัญหา"
3. เลือกปัญหาที่ต้องการรายงาน
4. เลือกที่ "รายงานปัญหา"
ขั้นตอนการรายงานปัญหาโพสต์
1. เลือกที่ "..." ด้านขวาบนของโพสต์ที่ต้องการรายงานในหน้าโน้ต > "รายงานปัญหา"
2. เลือกปัญหาที่ต้องการรายงาน
3. เลือกที่ "รับทราบและส่ง"
ขั้นตอนการรายงานสมาชิก
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอกลุ่มแชท > "สมาชิก"
2. เลือกบุคคลที่ต้องการรายงานปัญหา
3. เลือกที่ "รายงานปัญหา"
4. เลือกปัญหาที่ต้องการรายงาน > เลือกที่ "รับทราบและส่ง"
จัดการโอเพนแชท
สามารถปิดการแจ้งเตือนได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ"
2. ปลดการเลือกที่ "การแจ้งเตือนสมาชิกใหม่"
สามารถตั้งค่าได้เฉพาะผู้ดูแลและผู้ดูแลร่วมเท่านั้น
1. แตะค้างข้อความที่ต้องการลบ > "ลบ" > "ลบ"
2. เลือกที่ "ลบจากแชทของทุกคน"
ทั้งนี้ หากต้องการลบข้อความจากอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น กรุณาเลือกที่ "ลบจากแชทของฉันเท่านั้น"
ขั้นตอนการดำเนินการจากหน้าหลัก
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > เลือกโอเพนแชทจากรายการ "คำขอเข้าร่วม"
2. เลือกสมาชิกที่ต้องการอนุมัติหรือลบ
3. เลือกที่ "อนุมัติ" หรือ "ลบ" > "ตกลง"
ขั้นตอนการดำเนินการจากโอเพนแชท
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ" > "การจัดการสมาชิก"
2. เลือกที่ "คำขอเข้าร่วม"
3. เลือกสมาชิกที่ต้องการอนุมัติหรือลบ
4. เลือกที่ "อนุมัติ" หรือ "ลบ" > "ตกลง"
* ผู้ดูแลและผู้ดูแลร่วมเท่านั้นที่มีสิทธิ์อนุมัติและปฏิเสธคำขอเข้าร่วมโอเพนแชท
* ใน 1 โอเพนแชทมีผู้ดูแลร่วมได้สูงสุด 100 คน
ขั้นตอนการเพิ่มจากหน้าตั้งค่า
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ" > "การจัดการสมาชิก"
2. เลือกที่ "ให้สิทธิ์ผู้ดูแลร่วม"
3. เลือกที่ "เพิ่มเพื่อน" ข้างชื่อสมาชิกที่ต้องการตั้งค่าเป็นผู้ดูแลร่วม > "ตกลง"
ขั้นตอนการเพิ่มจากในห้องแชท
1. เลือกที่รูปโปรไฟล์ของสมาชิกที่ต้องการตั้งค่าเป็นผู้ดูแลร่วมจากในห้องแชท
2. เลือกที่ไอคอนรูปมงกุฎ > "ตกลง"
ผู้ดูแลมีสิทธิ์ในการบริหารจัดการและดูแลการใช้งานทั้งหมดในโอแพนแชท ซึ่งรวมถึงสามารถเพิ่มหรือลบผู้ดูแลร่วมและจัดการสิทธิ์ต่างๆ ได้
ขั้นตอนการเปลี่ยนสิทธิ์ของผู้ดูแลร่วม
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ"
2. เลือกที่ "จัดการสิทธิ์" > เลือกตั้งค่าตามหัวข้อที่ต้องการ
* ไม่สามารถบล็อคผู้ดูแลหรือผู้ดูแลร่วมออกจากโอเพนแชทได้
ขั้นตอนการบล็อคสมาชิกบางคน
1. เลือกเป้าหมายโดยแตะที่ภาพโปรไฟล์ของสมาชิกที่ต้องการบล็อค หรือเลือกที่ "≡" ด้านบนของห้องแชท > "สมาชิก" > เลือกสมาชิกที่ต้องการบล็อค
2. เลือกที่ "บล็อค" > "บล็อค" > "ตกลง"
หากต้องการยกเลิกการบล็อคเพื่อให้สมาชิกที่ถูกบล็อคสามารถเข้าร่วมโอเพนแชทได้อีกครั้ง กรุณาตรวจสอบขั้นตอนดังนี้
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ"
2. เลือกที่ "การจัดการสมาชิก" > "สมาชิกที่บล็อค"
3. เลือกที่ "ยกเลิกการบล็อค" ทางด้านขวาของสมาชิกที่ต้องการ > "ตกลง"
แต่เมื่อโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นแล้ว ผู้ดูแลคนเดิมจะกลายเป็นผู้ดูแลร่วมแทน
ขั้นตอนการโอนสิทธิ์
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ" > "การจัดการสมาชิก"
2. เลือกที่ "โอนสิทธิ์ผู้ดูแล"
3. เลือกที่ "เลือก" ทางด้านขวาของสมาชิกที่ต้องการ > "ตกลง"
การเรียงลำดับความสำคัญของการโอนสิทธิ์ผู้ดูแลโดยอัตโนมัติ
1. ผู้ดูแลร่วมที่มีระยะเวลาการเข้าร่วมโอเพนแชทนานที่สุด
2. สมาชิกที่มีระยะเวลาการเข้าร่วมโอเพนแชทนานที่สุด
หากผู้ดูแลโอเพนแชทลบบัญชี LINE ของตนเองในสภาพที่ไม่มีสมาชิกอยู่ โอเพนแชทดังกล่าวจะถูกลบทันที
1. แตะค้างที่ข้อความที่ต้องการลบ
2. เลือกที่ "ลบ" หรือ "ลบข้อความ" > "ลบ" > "ลบ"
หมายเหตุ :
* ระบบจะลบเฉพาะข้อความที่แสดงอยู่ในห้องแชทของคุณเท่านั้น
* ข้อความที่แสดงอยู่ในห้องแชทของฝ่ายตรงข้ามจะไม่ถูกลบ
หลังจากส่งข้อความภายใน 24 ชั่วโมง คุณจะสามารถยกเลิกการส่งข้อความได้ทั้งข้อความที่อ่านแล้วและยังไม่ถูกอ่าน
กรุณาตรวจสอบเกี่ยวกับการยกเลิกข้อความได้ที่หน้าช่วยเหลือด้านล่างนี้
- วิธียกเลิกการส่งข้อความ
* เฉพาะผู้ดูแลและผู้ดูแลร่วมของโอเพนแชทเท่านั้นที่มีสิทธิ์จัดการข้อความระบบ
1. เลือกที่ "≡" ด้านบนหน้าจอแชท > "ตั้งค่าอื่นๆ"
2. เลือกที่ "การจัดการข้อความระบบ"
3. เปิด/ปิดการตั้งค่าข้อความที่ต้องการให้แสดงหรือไม่แสดง
โอเพนแชทมาแรง
ยกเว้นหากมีการโพสต์สิ่งที่ขัดต่อข้อกำหนดการใช้บริการ LINE OpenChat หรือตรวจพบโอเพนแชทที่มีการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง โอเพนแชทดังกล่าวจะถูกปลดจากรายการโอเพนแชทมาแรง
Keep
สามารถปักหมุดและเลิกปักหมุดได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
ขั้นตอนการปักหมุด
- เลือกที่ ":" ด้านบนขวาของคอนเทนต์ที่ต้องการปักหมุด > เลือกที่ "ปักหมุด"
- แตะเลือกคอนเทนต์ที่ต้องการปักหมุด > เลือกที่ไอคอน "หมุดสีขาว" ด้านบน
ขั้นตอนการเลิกปักหมุด
- เลือกที่ ":" ด้านบนขวาของคอนเทนต์ที่ปักหมุดไว้ > เลือกที่ "เลิกปักหมุด"
- แตะเลือกคอนเทนต์ที่ปักหมุดอยู่ > เลือกที่ไอคอน "หมุดสีดำ" ด้านบน
* หากไม่มี Keep Memo แสดงขึ้นมา กรุณาอัปเดต LINE ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ที่นี่
ข้อความแชท, ลิงก์, รูปภาพ, วิดีโอ, ไฟล์ที่ส่งไปที่ Keep Memo จะแสดงใน Keep ด้วยเช่นกัน คุณจึงสามารถจัดการคอนเทนต์ผ่าน Keep ได้
* คอนเทนต์ที่ส่งไป Keep Memo ไม่ได้ถูกบันทึกใน Keep โดยอัตโนมัติ
* สามารถตรวจสอบวิธีบันทึกคอนเทนต์ที่ส่งไป Keep Memo ลงใน Keep ได้ ที่นี่
ไม่สามารถดำเนินการต่อไปนี้กับ Keep Memo ได้
บันทึกจากห้องแชท Keep Memo
1. แตะค้างที่คอนเทนต์ที่ต้องการบันทึก > เลือกที่ "บันทึกที่ Keep"
2. เลือกที่ "Keep"
* สามารถเลือกบันทึกได้ครั้งละหลายรายการ
ไปยัง Keep แล้วบันทึก
1. เลือกที่ไอคอน "Keep" ด้านบนหน้าจอ
2. เลือกเปิดคอนเทนต์ที่ส่ง
3. เลือกที่ ":" ด้านบนหน้าจอ > "บันทึกที่ Keep"
* หากเป็นคอนเทนต์ที่บันทึกลงใน Keep แล้ว ระบบจะไม่แสดงคำว่า "บันทึกที่ Keep"
ทั้งนี้ หากปักหมุด หรือแก้ไขคอนเทนต์ที่เป็นข้อความ ระบบจะบันทึกลงใน Keep ให้โดยอัตโนมัติ
กรุณาตรวจสอบเกี่ยวกับการปักหมุด ที่นี่
* หากเป็นคอนเทนต์ที่บันทึกลง Keep แล้ว ระบบจะลบออกจาก Keep Memo เท่านั้น
สามารถลบคอนเทนต์ที่ส่งไป Keep Memo ได้ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. แตะค้างที่คอนเทนต์ที่ต้องการลบ
2. เลือกที่ "ลบ" หรือ "ลบข้อความ" > "ลบ" > "ลบ"
* สามารถลบได้ครั้งละหลายรายการ
1. เลือกที่แท็บ "แชท"
2. เลือกที่ ":" ด้านขวาบน > "จัดการข้อความ"
3. เลือกห้องแชทที่ต้องการซ่อนที่แสดงในหน้าจอ "แก้ไขรายการแชท" > เลือกที่ปุ่ม "ไม่แสดง" ด้านขวาล่าง
4. เลือกที่ "ไม่แสดง"
คุณสามารถซ่อนห้องแชทที่ต้องการทีละห้องได้โดยแตะค้างห้องที่ต้องการซ่อนในหน้าจอ "แชท" > เลือกที่ "ไม่แสดง" > "ไม่แสดง"
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > เลือกที่ "Keep" ที่อยู่ด้านขวาของโปรไฟล์ของตนเอง
2. เลือกคอนเทนต์ที่ต้องการแชร์ > เลือกไอคอน "แชร์" ทางด้านขวาล่าง
3. เลือกที่ "แชร์ไปยังแอปอื่น" > เลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการแชร์
กรณีที่ลบหลายคอนเทนต์
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > เลือกที่ "Keep" ที่อยู่ด้านขวาของโปรไฟล์ของตนเอง
2. เลือกที่แท็บ "ทั้งหมด" "รูป & วิดีโอ" "ลิงก์" "บันทึกช่วยจำ" "ไฟล์" อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อเลือกคอนเทนต์ที่ต้องการลบ
3. เลือกที่สัญลักษณ์ " : " ทางด้านขวาบน > "เลือกรายการ"
4. เลือกคอนเทนต์ที่ต้องการลบ แล้วเลือกที่ไอคอนถังขยะ > เลือกที่ "ลบ"
กรณีที่ลบครั้งละ 1 คอนเทนต์
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > เลือกที่ "Keep" ที่อยู่ด้านขวาของโปรไฟล์ของตนเอง
2. เลือกที่แท็บ "ทั้งหมด" "รูป & วิดีโอ" "ลิงก์" "บันทึกช่วยจำ" "ไฟล์" อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อเลือกคอนเทนต์ที่ต้องการลบ
3. เลือกไอคอน "..." ที่อยู่ตรงคอนเทนต์ที่ต้องการลบ > "ลบ"
4. เลือกที่ "ตกลง"
ขั้นตอนการเพิ่มรูปและวิดีโอ
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > เลือกที่ "Keep" ด้านขวาของชื่อตนเอง
2. เลือกที่ "+" ด้านขวาบน > "รูป & วิดีโอ"
3. ทำเครื่องหมายเลือกรูปภาพหรือวิดีโอที่ต้องการอัปโหลดจากรายการรูปภาพแล้วเลือกที่ "เสร็จสิ้น"
ขั้นตอนการเพิ่มข้อความ
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > เลือกที่ "Keep" ด้านขวาของชื่อตนเอง
2. เลือกที่ "+" ด้านขวาบน > "ข้อความ"
3. พิมพ์ข้อความแล้วเลือกที่ "บันทึก"
ขั้นตอนการเพิ่มไฟล์
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > เลือกที่ "Keep" ด้านขวาของชื่อตนเอง
2. เลือกที่ "+" ด้านขวาบน > "ไฟล์"
3. เลือกไฟล์ที่ต้องการอัปโหลดจากที่เก็บข้อมูลของ Android
ขั้นตอนการเพิ่มลิงก์
1. คัดลอก URL แล้วเปิด Keep
2. เลือกที่ "เพิ่ม" ที่อยู่ด้านล่าง
สามารถใช้งานคอลเลกชันได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
ขั้นตอนการดำเนินการจาก Keep
1. เลือกคอนเทนต์ที่ต้องการเพิ่ม > แล้วเลือกที่ไอคอน "+"
2. เลือกคอลเลกชัน
ขั้นตอนการดำเนินการจากห้องแชท
1. แตะค้างที่คอนเทนต์ที่ต้องการบันทึก > เลือกที่ "บันทึกที่ Keep"
2. เลือกที่ "Keep"
3. เลือกที่ "คอลเลกชัน" ซึ่งแสดงอยู่ด้านขวาของข้อความ "บันทึกที่ Keep แล้ว"
กรณีที่ต้องการบันทึกลงคอลเลกชันใหม่ กรุณาสร้างคอลเลกชันโดยเลือกที่ "+" ในหน้าเลือกคอลเลกชัน
สามารถสร้างคอลเลกชันได้สูงสุด 100 รายการ แต่บันทึกคอนเทนต์ในคอลเลกชันได้ไม่จำกัดจำนวน
คอนเทนต์จะไม่ถูกลบจาก Keep แม้ลบคอลเลกชัน
* ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อหรือลบคอลเลกชัน "รายการโปรด" ได้
ยกเว้นไฟล์ที่มีขนาดเกิน 50 MB จะมีระยะเวลาจัดเก็บข้อมูล 30 วัน
ในหน้าแสดงรายการ ระบบจะแสดงเครื่องหมายบอกระยะเวลาจัดเก็บที่เหลืออยู่ของไฟล์ดังกล่าว โดยนับถอยหลังตัวเลขทุกวัน
* ไม่สามารถบันทึกรูปภาพ, วิดีโอ, ไฟล์, ที่ส่งไป Keep Memo ลง Keep ได้ หากเกินระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลแล้ว
Keep มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด 1 GB
- รูปภาพ, ไฟล์ : ไม่มีข้อจำกัด
- วิดีโอ : ความยาวสูงสุด 5 นาที
- ข้อความ : สูงสุด 10,000 ตัวอักษร
หากไม่สามารถบันทึกลง Keep ได้ กรุณาตรวจสอบพื้นที่จัดเก็บที่เหลืออยู่
คอนเทนต์ที่บันทึกใน Keep สามารถตรวจสอบได้โดยเลือกที่ "หน้าหลัก" > "Keep" ด้านบนหน้าจอ
เมื่อหมดอายุการจัดเก็บแล้ว คุณจะไม่สามารถเปิด, ดาวน์โหลด, ส่งหรือรับได้อีก
* ทีมงานไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลได้
ทั้งนี้ คอนเทนต์ที่ส่งไปยัง Keep Memo จะแสดงในรายการของ Keep แต่ยังไม่ได้ถูกบันทึกลงใน Keep
หากต้องการเปิดดูข้อมูลดังกล่าวอยู่เสมอโดยไม่มีวันหมดอายุการจัดเก็บ กรุณาบันทึกรูปภาพ, วิดีโอ, ไฟล์ ที่ส่งไปยัง Keep Memo ลงใน Keep
บัญชีทางการ
ระบบและการตั้งค่าบัญชีทางการ
* กรุณาตรวจสอบชื่อ, โปรไฟล์, สีป้ายรับรองของบัญชีทางการทุกครั้งก่อนโทรหรือวิดีโอคอล เพื่อให้แน่ใจว่าบัญชีที่คุณกำลังติดต่อเป็นบัญชีจริง
โทรจากหน้าโปรไฟล์
1. ตรวจสอบโปรไฟล์ของบัญชีทางการที่ต้องการโทรหา แล้วเลือกที่ไอคอน "โทรศัพท์"
* หากบัญชีทางการดังกล่าวเปิดใช้งานบริการโทร ด้านล่างไอคอนรูปโทรศัพท์จะแสดงคำว่า "ฟรี"
2. เลือกที่ "โทร"
โทรจากห้องแชท
1. เลือกที่ "โทร" ในคำขอการโทรที่บัญชีทางการส่งมาทางข้อความแชท
2. เลือกที่ "โทร"
บางครั้งคำขอการโทรอาจมีกำหนดเวลาใช้งาน กรุณาตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับคำขอการโทรที่มีกำหนดเวลาใช้งาน ที่นี่
ทั้งนี้ ฟังก์ชันที่ใช้งานได้จะแตกต่างกันออกไปตามเวอร์ชันของแอปพลิเคชัน LINE โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- LINE เวอร์ชัน 10.16.0 เป็นต้นไป
สามารถใช้ได้ทุกฟังก์ชัน
- LINE เวอร์ชัน 10.0.0 เป็นต้นไปแต่ต่ำกว่า 10.16.0
ไม่สามารถใช้ฟังก์ชันคำขอการโทรที่มีกำหนดเวลาใช้งานได้
หากต้องการใช้งานครบทุกฟังก์ชัน กรุณาอัปเดตแอปพลิเคชัน LINE ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ที่นี่
หากพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมจากการโทรของบัญชีทางการ กรุณาบล็อคและรายงานปัญหาบัญชีทางการดังกล่าว
ตรวจสอบวิธีรายงานปัญหาได้ ที่นี่
ตรวจสอบวิธีบล็อคได้ ที่นี่
* การใช้งานผ่านเครือข่าย 3G หรือ 4G จะต้องเสียค่าบริการรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ต ทีมงานจึงแนะนำให้ใช้ด้วยแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบเหมาจ่าย
* หากคุณภาพเสียงไม่ดี กรุณาลองใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi
ตรวจสอบวิธีเปลี่ยนเป็นวิดีโอคอลได้ ที่นี่
* กรุณาตรวจสอบสีของป้ายรับรองที่ชื่อและโปรไฟล์ของบัญชีทางการทุกครั้งก่อนโทรหรือวิดีโอคอล
2. เลือกที่ปุ่มวิดีโอคอลบนหน้าจอการโทร
หากพบว่าเนื้อหาการโทรของบัญชีทางการไม่เหมาะสม กรุณาบล็อคหรือรายงานปัญหาบัญชีทางการดังกล่าว
ตรวจสอบวิธีรายงานปัญหาได้ ที่นี่
ตรวจสอบวิธีบล็อคได้ ที่นี่
* กรณีที่แอดมินของบัญชีทางการ LINE ปิดการตั้งค่าวิดีโอคอลเอาไว้ จะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวิดีโอคอลได้
* ไม่สามารถใช้งาน Face Play หรือเอฟเฟกต์ระหว่างวิดีโอคอลกับบัญชีทางการของ LINE ได้
ตรวจสอบวิธีการโทรได้ ที่นี่
* กรุณาหลีกเลี่ยงการโทรคุยกับคู่สนทนาที่ไม่น่าไว้ใจ
ตัวอย่าง:
อีกฝ่ายชักชวนให้แสดงท่าทางที่ส่อไปในทางเพศผ่านวิดีโอคอล
หากประเมินว่าการโทรติดต่อกับบัญชีทางการมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น ถูกชักชวนให้แสดงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว กรุณาบล็อคหรือรายงานปัญหาบัญชีทางการดังกล่าว
ตรวจสอบวิธีรายงานปัญหาได้ ที่นี่
ตรวจสอบวิธีบล็อคได้ ที่นี่
เมื่อเริ่มต้นการโทรแล้ว คุณสามารถโทรหรือวิดีโอคอลกับบัญชีทางการได้โดยไม่มีการจำกัดเวลา
แต่หากผ่านไป 30 นาทีนับตั้งแต่ได้รับคำขอการโทร จะไม่สามารถเริ่มต้นการโทรได้
หากหมดเวลาใช้งาน กรุณาแจ้งให้บัญชีทางการดังกล่าวส่งคำขอการโทรมาอีกครั้ง
* กรุณาตรวจสอบชื่อ, โปรไฟล์, สีป้ายรับรองของบัญชีทางการทุกครั้งก่อนโทรหรือวิดีโอคอล เพื่อให้แน่ใจว่าบัญชีที่คุณกำลังติดต่อเป็นบัญชีจริง
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > "เพื่อน" > "บัญชีทางการ"
2. เลือกที่ไอคอน "บัญชีทางการ" ด้านขวาบน > เลือกบัญชีทางการจากหน้า "บัญชีทางการ" หรือค้นหาแล้วเลือกที่ "เพิ่มเพื่อน"
* ID ของบัญชีทางการจะขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย @
กรณีที่ได้รับข้อความแชทว่า "ไม่สามารถเข้าสู่ระบบ"
การล็อกอินด้วยอีเมลแอดเดรสและรหัสผ่านผิดพลาด เนื่องจากรหัสผ่านไม่ตรงกับที่ลงทะเบียนคู่กับอีเมลแอดเดรส
กรณีที่ได้รับข้อความแชทว่า "มีการเข้าสู่ระบบ"
ระบบจะส่งข้อความแจ้ง เมื่อคุณล็อกอินด้วยวิธีการต่อไปนี้
- อีเมลแอดเดรสและรหัสผ่าน
- QR Code
- วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์
กรณีที่คุณไม่ได้เป็นผู้ล็อกอินแต่ได้รับข้อความดังกล่าว หมายความว่ามีบุคคลที่สามพยายามล็อกอินเข้าบัญชี LINE ด้วยอีเมลแอดเดรสและรหัสผ่านของคุณ
หากได้รับการแจ้งเตือนการล็อกอินไม่ทราบที่มา กรุณาดำเนินการตาม หน้าช่วยเหลือนี้
ทั้งนี้ หากปิดการตั้งค่า "อนุญาตให้เข้าสู่ระบบ" เอาไว้ จะไม่สามารถล็อกอินเข้า LINE สำหรับ PC หรือ iPad ได้แม้กรอกอีเมลแอดเดรสและรหัสผ่านถูกต้องก็ตาม
* คุณจะได้รับข้อความแจ้งว่าไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้เนื่องจากรหัสผ่านไม่ถูกต้อง
สามารถตรวจสอบเกี่ยวกับการตั้งค่า "อนุญาตให้เข้าสู่ระบบ" ได้ ที่นี่
กรณีที่คุณเป็นผู้ล็อกอิน
กรุณาอัปเดต LINE สำหรับ PC ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
กรณีที่คุณไม่ได้เป็นผู้ล็อกอิน
กรณีที่คุณไม่ได้เป็นผู้ล็อกอินแต่ได้รับข้อความดังกล่าว มีความเป็นไปได้ว่ามีบุคคลที่สามพยายามล็อกอินเข้าบัญชี LINE ด้วยอีเมลแอดเดรสและรหัสผ่านของคุณ
หากได้รับการแจ้งเตือนการล็อกอินโดยไม่ทราบที่มา กรุณาดำเนินการตาม หน้าช่วยเหลือนี้
สามารถตรวจสอบอุปกรณ์ที่กำลังล็อกอิน LINE และบริการที่เกี่ยวข้องกับ LINE ได้ตามวิธีการใน หน้าช่วยเหลือนี้
กรณีที่คุณไม่ได้เป็นผู้ล็อกอินแต่ได้รับข้อความดังกล่าว มีความเป็นไปได้ว่ามีบุคคลที่สามพยายามล็อกอินเข้าบัญชี LINE ด้วยอีเมลแอดเดรสและรหัสผ่านของคุณ
หากได้รับการแจ้งเตือนการล็อกอินไม่ทราบที่มา กรุณาดำเนินการตาม หน้าช่วยเหลือนี้
กรณีที่คุณไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการยืนยันหมายเลขโทรศัพท์แต่ได้รับข้อความดังกล่าว อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ผู้อื่นกรอกหมายเลขโทรศัพท์ของคุณเพื่อขอยืนยันหมายเลขโทรศัพท์โดยไม่ได้ตั้งใจ
- บุคคลที่สามลักลอบยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ด้วยหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ
กรุณาอย่าเปิดเผยรหัสยืนยันแก่ผู้อื่นโดยเด็ดขาดแม้ถูกสอบถาม
กรณีที่พบว่ามีการแจ้งเตือนล็อกอิน SSO โดยไม่ทราบที่มาชัดเจน กรุณาล็อกเอาท์โดยการเลือกที่ลิงก์ที่ปรากฏอยู่ในข้อความ
การแจ้งเตือนล็อกอิน SSO มีดังต่อไปนี้
- IP Address : {ww.xxx.yyy.zzz}
หากคุณไม่ได้พยายามเข้าสู่ระบบ เราขอแนะนำให้ออกจากระบบแล้วเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณ
- ออกจากระบบ : https://line.me/R/nv/connectedDevices/
- เปลี่ยนรหัสผ่าน : https://help.line.me/line/?contentId=20000062
ข้อความแจ้งเตือนกรณีที่ล็อกอินไม่สำเร็จ
- IP Address: {ww.xxx.yyy.zzz}
หากคุณไม่ได้พยายามเข้าสู่ระบบ เราขอแนะนำให้ออกจากระบบแล้วเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณ
- เปลี่ยนรหัสผ่าน : https://help.line.me/line/?contentId=20000062
หมายเหตุ:
*2 บางกรณีอาจมีการย่อข้อความแจ้งเตือน
LINE Beacon
* จำเป็นต้องใช้งานแอปพลิเคชัน LINE เวอร์ชัน 9.8.0 ขึ้นไป
* อัปเดต LINE เป็นเวอร์ชันล่าสุดได้ ที่นี่
2. เลือกที่ "ให้ข้อมูลการใช้งาน" > "ประวัติการรับสัญญาณ LINE Beacon"
สามารถตรวจสอบข้อมูลต่อไปนี้ได้ในหน้าจอแสดงประวัติ
- วันที่รับสัญญาณ LINE Beacon
- รูปโปรไฟล์ของบัญชีทางการ
- ชื่อของบัญชีทางการ
- ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ติดตั้งอุปกรณ์ LINE Beacon
LINE Things
อื่นๆ
- วิธีการส่งการ์ดวันเกิดเลือก ที่นี่
* สามารถส่งการ์ดวันเกิดให้เพื่อนได้ก่อนวันเกิดหนึ่งวัน, ในวันเกิด, หลังวันเกิดหนึ่งวัน
เพื่อนที่แสดงอยู่ในรายการ "วันเกิดวันนี้" และ "วันเกิดใกล้เคียง" คือเพื่อนที่เปิดการตั้งค่า "แสดงวันเกิด" เอาไว้ในโปรไฟล์ของแอปพลิเคชัน LINE
- วิธีการเปิดการตั้งค่า "แสดงวันเกิด" เลือก ที่นี่
* สมาร์ทโฟนจะถูกล็อคเมื่อยืนยันตัวตนผิดพลาดติดต่อกันหลายครั้ง
วิธีแก้ไขบนระบบปฏิบัติการ iOS
หาก Touch ID หรือ Face ID ถูกล็อค ระบบจะให้ล็อกอินด้วยพาสโค้ดแทน
หลังจากกรอกพาสโค้ด คุณจะสามารถล็อกอินด้วย Touch ID หรือ Face ID ได้อีกครั้ง
วิธีแก้ไขบนระบบปฏิบัติการ Android
หากวิธีปลดล็อคอุปกรณ์ด้วยข้อมูลทางชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ, ม่านตา, ใบหน้า) ถูกล็อค คุณสามารถปลดล็อคได้ด้วยรหัส PIN หรือแพทเทิร์นล็อคที่ตั้งค่าเอาไว้ในสมาร์ทโฟน
* พาสโค้ดหมายถึงรหัสปลดล็อคหน้าจอที่ตั้งเอาไว้ในสมาร์ทโฟน ไม่ใช่รหัสสำหรับ "ล็อครหัสผ่าน" ที่ตั้งค่าภายในแอปพลิเคชัน LINE
เกี่ยวกับการล็อกอินโดยใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์เลือก ที่นี่
ขั้นตอนการล็อกอินโดยใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์ครั้งแรก
1. เปิด LINE บน iPad หรือ PC
2. กรอกหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนในบัญชี LINE > เลือกที่ "เข้าสู่ระบบด้วยสมาร์ทโฟน"
3. เลือกที่ "แสดงรหัสยืนยัน"
4. เปิด LINE บนสมาร์ทโฟน
5. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > "ตั้งค่า" (ไอคอนรูปเกียร์) > "บัญชี" > "เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องอื่น"
6. กรอกรหัสยืนยัน 6 หลักที่ปรากฏบน iPad หรือ PC ลงบนสมาร์ทโฟน
7. ยืนยันตัวตนในหน้าจอสำหรับการยืนยันตัวตนโดยใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์ที่แสดงบนสมาร์ทโฟน
ขั้นตอนการล็อกอินตั้งแต่ครั้งที่ 2
1. เปิด LINE บน iPad หรือ PC
2. กรอกหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนในบัญชี LINE > เลือกที่ "เข้าสู่ระบบด้วยสมาร์ทโฟน"
3. เปิด LINE บนสมาร์ทโฟน
4. ยืนยันตัวตนในหน้าจอสำหรับการยืนยันตัวตนโดยใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์ที่แสดงบนสมาร์ทโฟน
หากล็อกอินสำเร็จจะมีข้อความว่า "คุณได้เข้าสู่ระบบแล้ว" แสดงขึ้นมา
เมื่อล็อกอินสำเร็จ บัญชีทางการ LINE จะส่งข้อความแจ้งการล็อกอินให้ทราบ
ตรวจสอบรายละเอียดข้อความแจ้งเลือก ที่นี่
* ระบบจะส่งข้อความแจ้งไปยัง LINE บนสมาร์ทโฟน
วิธีเตรียมสมาร์ทโฟนล่วงหน้าเพื่อล็อกอินโดยใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์เลือก ที่นี่
หากต้องการล็อกอิน iPad หรือ PC โดยใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์ กรุณาตั้งค่ารายการต่อไปนี้บนสมาร์ทโฟน
1. ลงทะเบียนข้อมูลทางชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ, ใบหน้า) ในสมาร์ทโฟน
2. อนุญาตให้ล็อกอิน LINE ได้ด้วยวิธีปลดล็อคของอุปกรณ์
ขั้นตอนการลงทะเบียนข้อมูลทางชีวภาพ
สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS กรุณาตรวจสอบลิงก์ด้านล่าง
- ใช้ Touch ID บน iPhone และ iPad
- ใช้ Face ID บน iPhone หรือ iPad Pro
สำหรับระบบปฏิบัติการ Android กรุณาตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน
* LINE ไม่บันทึกข้อมูลทางชีวภาพที่ใช้ปลดล็อค
ขั้นตอนการตั้งค่าล่วงหน้าบนแอปพลิเคชัน LINE
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > "ตั้งค่า" (ไอคอนรูปเกียร์) > "บัญชี"
2. เลือกที่ "Face ID" / "Touch ID" / "วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์" > "เปิดใช้"
* ระบบปฏิบัติการ iOS จะแสดงหัวข้อ "Face ID" หรือ "Touch ID"
* ระบบปฏิบัติการ Android จะแสดงหัวข้อ "วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์"
หากที่หัวข้อ "Face ID" / "Touch ID" / "วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์" แสดงว่า "ยกเลิกการเชื่อมต่อ" หมายความว่าคุณตั้งค่าล่วงหน้าเสร็จสิ้นแล้ว
มีเพียงผู้ใช้ที่ลงทะเบียนเท่านั้นสามารถใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์ได้ ทำให้ใช้งาน LINE ได้อย่างปลอดภัย
สามารถเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นอีกขั้นได้โดยปิดการใช้งานฟังก์ชันล็อกอินด้วยอีเมลแอดเดรสและรหัสผ่าน
วิธีตั้งค่า : เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > "ตั้งค่า" > "บัญชี" > ปิดการตั้งค่า "เข้าสู่ระบบด้วยอีเมลและรหัสผ่าน"
* ระบบจะไม่ล็อกเอาท์ออกจากอุปกรณ์ที่ล็อกอินอยู่แม้ปิดการตั้งค่า
สามารถยกเลิกการเชื่อมต่อวิธีปลดล็อคของอุปกรณ์กับ LINE ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > "ตั้งค่า" (ไอคอนรูปเกียร์) > "บัญชี"
2. เลือกที่ "Face ID" / "Touch ID" / "วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์" > "ปิดใช้"
* ระบบปฏิบัติการ iOS จะแสดงหัวข้อ "Face ID" หรือ "Touch ID"
* ระบบปฏิบัติการ Android จะแสดงหัวข้อ "วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์"
เมื่อปิดการใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์บนสมาร์ทโฟน ระบบจะล็อกเอาท์ออกจาก iPad และ PC
หากต้องการใช้งาน LINE บน iPad หรือ PC อีกครั้ง กรุณาล็อกอินด้วยอีเมลแอดเดรสและรหัสผ่าน หรือ QR Code
กรณีต้องการล็อกอินด้วยอีเมลแอดเดรสและรหัสผ่าน กรุณาเปิดการตั้งค่าโดยเลือกที่ "หน้าหลัก" > "ตั้งค่า" (ไอคอนรูปเกียร์) > "บัญชี" > เปิดการตั้งค่า "เข้าสู่ระบบด้วยอีเมลและรหัสผ่าน"
เงื่อนไขในการใช้งานมีดังต่อไปนี้
LINE เวอร์ชัน : 10.18.0 ขึ้นไป
อุปกรณ์ที่ล็อกอินได้ : iPad, Windows, Mac
กรณีที่ใช้งานได้ : ล็อกอินเข้าใช้งาน LINE สำหรับ iPad หรือ PC
ตรวจสอบสภาพแวดล้อมของระบบปฏิบัติการที่แนะนำ ที่นี่
เฉพาะผู้ลงทะเบียนเท่านั้นสามารถใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์ได้ การล็อกอินด้วยวิธีดังกล่าวจึงปลอดภัยมากกว่าที่ผ่านมา
วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์ที่ใช้งานได้จะแตกต่างกันตามระบบปฏิบัติการ เช่น การยืนยันด้วยใบหน้า, การยืนยันด้วยลายนิ้วมือ เป็นต้น
* LINE ไม่บันทึกข้อมูลทางชีวภาพที่ใช้ปลดล็อค
เกี่ยวกับการตั้งค่าการล็อกอินโดยใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์เลือก ที่นี่
เกี่ยวกับวิธีล็อกอินโดยใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์เลือก ที่นี่
เกี่ยวกับการปิดการใช้วิธีปลดล็อคของอุปกรณ์เลือก ที่นี่
หากคุณไม่ได้เป็นผู้ล็อกอิน กรุณาปิดการตั้งค่า "อนุญาตให้เข้าสู่ระบบ" ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > "ตั้งค่า" (ไอคอนรูปเกียร์) > "บัญชี"
2. ปิดการตั้งค่าที่หัวข้อ "อนุญาตให้เข้าสู่ระบบ"
- LINE Partners
คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการร่วมมือทางธุรกิจ เช่น LINE Official Account สำหรับผู้ประกอบการหรือนิติบุคคล, การโฆษณาสินค้า, การส่งเสริมการขาย ฯลฯ ได้ที่เว็บไซต์ของ LINE for Business
- LINE for Business
* แอปพลิเคชัน LINE บนสมาร์ทโฟนไม่สามารถใช้งานบัญชีเดียวกันบนอุปกรณ์หลายเครื่องได้ สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ ที่นี่
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > "ตั้งค่า" (ไอคอนรูปเกียร์) > "บัญชี"
2. เลือกที่ "อุปกรณ์ที่เข้าสู่ระบบ"
สามารถตรวจสอบชื่อของอุปกรณ์และระยะเวลานับตั้งแต่ล็อกอินได้จากหน้าจอ "อุปกรณ์ที่เข้าสู่ระบบ"
* กรณีมีชื่ออุปกรณ์ไม่ทราบที่มาอยู่ในรายการอุปกรณ์ที่กำลังล็อกอินอยู่ กรุณาล็อกเอาท์จากอุปกรณ์ดังกล่าวแล้วเปลี่ยนรหัสผ่าน
สามารถตรวจสอบวิธีเปลี่ยนรหัสผ่านได้ ที่นี่
คุณสามารถเปิดฟังก์ชันที่ต่างๆ ของ LINE Labs ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > "ตั้งค่า" (ไอคอนรูปเกียร์) > "LINE Labs"
2. เปิดฟังก์ชันที่ต้องการใช้งาน